BACK
คำถามที่พบบ่อย/สินค้า
คนเราจะมีสภาวะที่เรียกว่าการชินต่อกลิ่นได้เร็วมาก ภายในสองถึงสามวินาทีหลังจากได้กลิ่น ร่างกายจะมีความชินต่อกลิ่นถึง 50 % ดังนั้นในกรณีของคนที่มีกลิ่นตัวและกลิ่นปาก หรือการฉีดน้ำหอม หรือสเปรย์ปรับอากาศภายในบ้าน เราจะได้กลิ่นเหล่านั้นในช่วงเวลาแรกเท่านั้น หลังจากนั้นร่างกายจะปรับตัวต่อสิ่งเร้าหรือกลิ่นอย่างรวดเร็ว และจะได้รับกลิ่นเหล่านั้นในปริมาณที่น้อยลงเรื่อยๆ จนถึงระดับที่ไม่สามารถได้กลิ่นอีกหรือเรียกได้ว่า ภาวะชินกลิ่นนั่นเอง ดังนั้นการที่สิ่งเร้าหรือปริมาณโมเลกุลของกลิ่นนั้น ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นจนถึงระดับที่สามารถกระตุ้นการรับกลิ่นได้ คุณก็ยังคงไม่ได้กลิ่นนั่นอยู่ดี นี่จึงเป็นสาเหตุให้เมื่อเราใช้เครื่องหอม กลิ่นเดิมซ้ำๆ หรือนานๆ เราจึงรู้สึกเหมือนไม่มีกลิ่น
วิธีการแก้ปัญหา เมื่อเกิดภาวะชินกลิ่นในการใช้เครื่องหอม
1. เปลี่ยนแปลงสิ่งเร้า คือ เปลี่ยนชนิดกลิ่นของเครื่องหอม เช่น เดิมเคยใช้ กลิ่น Vanilla ก็เปลี่ยนมาใช้ Orange Blossom แทน เป็นต้น
2. เพิ่มปริมาณสิ่งเร้า คือ เพิ่มปริมาตรความเข้ม หรือปริมาณเครื่องหอมให้มากขึ้น
3. หยุดใช้เครื่องหอมกลิ่นนั้นๆ ชั่วคราว เพื่อให้ร่างกายและการรับรู้กลิ่น ปรับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้กลิ่นได้ดีอีกครั้ง
4. เปลี่ยนวิธีการระเหยกลิ่น จากระเหยด้วยตัวของเครื่องหอมเอง เช่น ถุงหอม หรือ ก้านไม้กระจายกลิ่น มาเป็นเครื่องหอม ที่ใช้พลังงานความร้อน ในการระเหยกลิ่นแทน เช่น การจุดเทียน การใช้เตาต้มน้ำมันหอม ซึ่งพลังงานความร้อน จะทำให้โมเลกุลกลิ่นกระจายและระเหยได้ดีกว่า
5. สินค้าที่เขียนระบุเครื่องหมาย T, TM, MT, M, BM, B หมายถึงอะไร อักษรย่อภาษาอังกฤษ เหล่านั้นคือ ระดับการระเหยของกลิ่นครับ ตามธรรมชาติของกลิ่นโดยทั่วไป จะมีลักษณะการระเหย ความฟุ้งกระจายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของกลิ่น ว่ากลิ่นนั้นผลิตขึ้นจากวัตถุดิบหรือพืชพรรณใดๆ ซึ่งโดยหลักๆ แล้ว จะแบ่ง เป็น 3 ระดับ ได้แก่ Top Note (T) , Middle Note (M) , Base Note (B) ส่วน ตัวอักษร สองตัว เช่น TM, MT, MB, BM คือลักษณะกลิ่นที่คร่อมอยู่ระหว่างโน๊ตสองตัวครับ เช่น - Top Note กลิ่นแรก / กลิ่นบน ลักษณะกลิ่นจะฟุ้งกระจาย มีกลิ่นแหลม ชัด สดชื่น ร้อนหรือฉุน - Middle Note กลิ่นกลาง ลักษณะกลื่น มีความนุ่มละมุน ให้ความรู้สึกอบอุ่น - Base Note กลิ่นฐาน ลักษณะกลิ่นหอมอบอุ่น ทึบ หนัก ฉุน บางชนิดหวานลึก ละมุนละไม
หากต้องการกลิ่นที่ฟุ้ง แรงชัด (แต่กลิ่นอาจจะไม่คงทน กลิ่นระเหยเร็ว) ให้เลือก ตัวอักษร T แต่หากต้องการกลิ่นที่หอมกำลังดี สบายๆ ให้เลือก M หากต้องการให้กลิ่นหอมนาน แต่อาจเบาหน่อย ให้เลือกตัว B ครับ ขอบคุณครับ
วิธีการแก้ปัญหา เมื่อเกิดภาวะชินกลิ่นในการใช้เครื่องหอม
1. เปลี่ยนแปลงสิ่งเร้า คือ เปลี่ยนชนิดกลิ่นของเครื่องหอม เช่น เดิมเคยใช้ กลิ่น Vanilla ก็เปลี่ยนมาใช้ Orange Blossom แทน เป็นต้น
2. เพิ่มปริมาณสิ่งเร้า คือ เพิ่มปริมาตรความเข้ม หรือปริมาณเครื่องหอมให้มากขึ้น
3. หยุดใช้เครื่องหอมกลิ่นนั้นๆ ชั่วคราว เพื่อให้ร่างกายและการรับรู้กลิ่น ปรับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้กลิ่นได้ดีอีกครั้ง
4. เปลี่ยนวิธีการระเหยกลิ่น จากระเหยด้วยตัวของเครื่องหอมเอง เช่น ถุงหอม หรือ ก้านไม้กระจายกลิ่น มาเป็นเครื่องหอม ที่ใช้พลังงานความร้อน ในการระเหยกลิ่นแทน เช่น การจุดเทียน การใช้เตาต้มน้ำมันหอม ซึ่งพลังงานความร้อน จะทำให้โมเลกุลกลิ่นกระจายและระเหยได้ดีกว่า
5. สินค้าที่เขียนระบุเครื่องหมาย T, TM, MT, M, BM, B หมายถึงอะไร อักษรย่อภาษาอังกฤษ เหล่านั้นคือ ระดับการระเหยของกลิ่นครับ ตามธรรมชาติของกลิ่นโดยทั่วไป จะมีลักษณะการระเหย ความฟุ้งกระจายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของกลิ่น ว่ากลิ่นนั้นผลิตขึ้นจากวัตถุดิบหรือพืชพรรณใดๆ ซึ่งโดยหลักๆ แล้ว จะแบ่ง เป็น 3 ระดับ ได้แก่ Top Note (T) , Middle Note (M) , Base Note (B) ส่วน ตัวอักษร สองตัว เช่น TM, MT, MB, BM คือลักษณะกลิ่นที่คร่อมอยู่ระหว่างโน๊ตสองตัวครับ เช่น - Top Note กลิ่นแรก / กลิ่นบน ลักษณะกลิ่นจะฟุ้งกระจาย มีกลิ่นแหลม ชัด สดชื่น ร้อนหรือฉุน - Middle Note กลิ่นกลาง ลักษณะกลื่น มีความนุ่มละมุน ให้ความรู้สึกอบอุ่น - Base Note กลิ่นฐาน ลักษณะกลิ่นหอมอบอุ่น ทึบ หนัก ฉุน บางชนิดหวานลึก ละมุนละไม
หากต้องการกลิ่นที่ฟุ้ง แรงชัด (แต่กลิ่นอาจจะไม่คงทน กลิ่นระเหยเร็ว) ให้เลือก ตัวอักษร T แต่หากต้องการกลิ่นที่หอมกำลังดี สบายๆ ให้เลือก M หากต้องการให้กลิ่นหอมนาน แต่อาจเบาหน่อย ให้เลือกตัว B ครับ ขอบคุณครับ
ศาสตร์ด้านการบำบัดด้วยกลิ่นหอม ( Aromatherapy Treatment/ สุคนธบำบัด) นั้นมีมาอย่างยาวนานนับร้อยนับพันปี แต่ถึงกระนั้น การใช้กลิ่นหอมเพื่อสุขภาพ เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งในการบรรเทาให้อาการต่างๆ นั้นทุเลาลง ไม่ใช่การแก้ปัญหาโรคให้หายขาดแต่อย่างใด
ในโลกของเครื่องหอม กลิ่นหอมนั้นๆ มีแหล่งที่มาได้ทั้งจาก พืช สัตว์ และการเลียนแบบธรรมชาติ โดยคุณสมบัติด้านกลิ่น หากเราไม่ได้มุ่งเน้นสาระด้านการบำบัดสุขภาพเพียงอย่างเดียว กลิ่นหอมบางประเภทก็ให้ผลดีต่อการบำบัดจิตใจ หากเราได้กลิ่น ใดๆ ที่ทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข มีความทรงจำที่ดี ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสบาย คลายความกังวล แน่นอนว่า กลิ่นเหล่านั้นย่อมมีผลต่อต่อสุขภาพกายและจิตใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หมายความว่า เมื่อเรามีความสุขกาย สบายใจ จากการใช้เครื่องหอม อาการความวิตกกังวล ความเครียด ก็จะบรรเทาลง ซึ่งส่งผลต่อการหลั่งสารสื่อประสาท การปรับสมดุลของธาตุต่างๆ ในร่างกาย ที่ทำให้สุขภาพใจแข็งแรง และแน่นอนว่า การเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะน้อยลงด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การใช้เครื่องหอมที่ดี ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับผู้มีอาการป่วยไข้ หรือมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ว่าสามารถใช้ได้ มากน้อยเพียงใด บุคคลที่อยู่ในภาวะที่ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้ได้แก่ ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะความดันโลหิตสูงหรือต่ำ โรคลมบ้าหมู สตรีมีตั้งครรภ์ เป็นต้น
ในโลกของเครื่องหอม กลิ่นหอมนั้นๆ มีแหล่งที่มาได้ทั้งจาก พืช สัตว์ และการเลียนแบบธรรมชาติ โดยคุณสมบัติด้านกลิ่น หากเราไม่ได้มุ่งเน้นสาระด้านการบำบัดสุขภาพเพียงอย่างเดียว กลิ่นหอมบางประเภทก็ให้ผลดีต่อการบำบัดจิตใจ หากเราได้กลิ่น ใดๆ ที่ทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข มีความทรงจำที่ดี ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสบาย คลายความกังวล แน่นอนว่า กลิ่นเหล่านั้นย่อมมีผลต่อต่อสุขภาพกายและจิตใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หมายความว่า เมื่อเรามีความสุขกาย สบายใจ จากการใช้เครื่องหอม อาการความวิตกกังวล ความเครียด ก็จะบรรเทาลง ซึ่งส่งผลต่อการหลั่งสารสื่อประสาท การปรับสมดุลของธาตุต่างๆ ในร่างกาย ที่ทำให้สุขภาพใจแข็งแรง และแน่นอนว่า การเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะน้อยลงด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การใช้เครื่องหอมที่ดี ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับผู้มีอาการป่วยไข้ หรือมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ว่าสามารถใช้ได้ มากน้อยเพียงใด บุคคลที่อยู่ในภาวะที่ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้ได้แก่ ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะความดันโลหิตสูงหรือต่ำ โรคลมบ้าหมู สตรีมีตั้งครรภ์ เป็นต้น
ร้านเครื่องหอม Karmakamet มีเป้าหมายในการผลิตเครื่องหอม โดยใช้กลิ่นเป็นโจทย์ในการทำงาน หมายความว่า เราต้องการให้ร้านเครื่องหอมของเราเป็นแหล่งรวมของกลิ่นหอมจากทั่วโลก และเป็น Scent Museum (พิพิธภัณฑ์แห่งกลิ่น) สำหรับให้ลูกค้าได้เดินทางไปอยู่ในโลกของกลิ่นหอมกับเราอย่างครบถ้วนและไม่มีข้อจำกัด ทั้งนี้ กลิ่นหอม ที่มีอยู่ในร้านทั้งหมดนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ หวังผลด้านการบำบัดสุขภาพ และ ไม่หวังผลด้านการบำบัดสุขภาพ
1. หวังผลด้านการบำบัดสุขภาพ ซึ่งกลิ่นทั้งหมดผลิตขึ้นจากน้ำมันหอมที่สกัดจากพืช 100 % ได้แก่ สินค้า ในกลุ่ม
Aromatherapy Products ได้แก่ Pure Essential Oil , Massage Oil, Herbal Inhaler, Nasal Remedy, Pillow Mist , Gel Scrub, Salt Scrub หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีส่วนผสมของกลิ่นที่มาจากธรรมชาติ เช่น กลิ่น Joy เป็นต้น ทั้งนี้จากสรรพคุณของน้ำมันสกัดก็จะให้ผลการบำบัดสุขภาพที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับกลิ่นนั้นๆ เช่น แก้อาการนอนไม่หลับ ไมเกรน เป็นต้น
2.ไม่หวังผลด้านการบำบัดสุขภาพ ซึ่งได้แก่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอื่นๆ ที่ต้องการกลิ่นเพียงแค่ความหอม ทั้งนี้น้ำมันหอมที่ใช้ในกลุ่มนี้ เกิดขึ้นจากการเลียนแบบกลิ่น ตามธรรมชาติของกลิ่นนั้นๆ เพื่อต้องการคุณสมบัติในด้านการคงทนของกลิ่น ต้นทุนด้านราคา และความยากง่ายในการสกัด ทั้งนี้ การเลือกกลิ่นหอมในการผลิต ต้องคำนึงถึงหน้าที่และการใช้งานของสินค้านั้นๆ ด้วย เพราะสินค้าบางประเภท เช่นสินค้าที่ต้องการให้มีกลิ่นคงทนและยาวนาน ไม่ควรใช้กลิ่นที่สกัดจากพืช เพราะจะทำให้ไม่ตอบโจทย์ด้านความคงทนของสินค้า อีกทั้งกลิ่นหอมที่ได้จากการเลียนแบบ ทำให้ได้ความหลากหลายและขยายอาณาจักรขอบข่ายของกลิ่นไปอย่างไม่มีข้อจำกัดอีกด้วย
ที่ Karmakamet มีกลิ่นให้เลือกกว่า 200 กลิ่น และแน่นอนว่า จะเป็นกลิ่นจากพืช หรือกลิ่นจากการเลียนแบบธรรมชาติ กลิ่นหอมเหล่าล้วนผ่าน กรรมวิธีการผลิต และตรวจสอบ จากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานสากลและได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง
1. หวังผลด้านการบำบัดสุขภาพ ซึ่งกลิ่นทั้งหมดผลิตขึ้นจากน้ำมันหอมที่สกัดจากพืช 100 % ได้แก่ สินค้า ในกลุ่ม
Aromatherapy Products ได้แก่ Pure Essential Oil , Massage Oil, Herbal Inhaler, Nasal Remedy, Pillow Mist , Gel Scrub, Salt Scrub หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีส่วนผสมของกลิ่นที่มาจากธรรมชาติ เช่น กลิ่น Joy เป็นต้น ทั้งนี้จากสรรพคุณของน้ำมันสกัดก็จะให้ผลการบำบัดสุขภาพที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับกลิ่นนั้นๆ เช่น แก้อาการนอนไม่หลับ ไมเกรน เป็นต้น
2.ไม่หวังผลด้านการบำบัดสุขภาพ ซึ่งได้แก่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอื่นๆ ที่ต้องการกลิ่นเพียงแค่ความหอม ทั้งนี้น้ำมันหอมที่ใช้ในกลุ่มนี้ เกิดขึ้นจากการเลียนแบบกลิ่น ตามธรรมชาติของกลิ่นนั้นๆ เพื่อต้องการคุณสมบัติในด้านการคงทนของกลิ่น ต้นทุนด้านราคา และความยากง่ายในการสกัด ทั้งนี้ การเลือกกลิ่นหอมในการผลิต ต้องคำนึงถึงหน้าที่และการใช้งานของสินค้านั้นๆ ด้วย เพราะสินค้าบางประเภท เช่นสินค้าที่ต้องการให้มีกลิ่นคงทนและยาวนาน ไม่ควรใช้กลิ่นที่สกัดจากพืช เพราะจะทำให้ไม่ตอบโจทย์ด้านความคงทนของสินค้า อีกทั้งกลิ่นหอมที่ได้จากการเลียนแบบ ทำให้ได้ความหลากหลายและขยายอาณาจักรขอบข่ายของกลิ่นไปอย่างไม่มีข้อจำกัดอีกด้วย
ที่ Karmakamet มีกลิ่นให้เลือกกว่า 200 กลิ่น และแน่นอนว่า จะเป็นกลิ่นจากพืช หรือกลิ่นจากการเลียนแบบธรรมชาติ กลิ่นหอมเหล่าล้วนผ่าน กรรมวิธีการผลิต และตรวจสอบ จากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานสากลและได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง